1. การทำประกันภัยในอาคารชุดจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ (1.1) เจ้าของห้องชุดทำประกันภัยทรัพย์สินของตนเองที่อยู่ภายในห้องชุด (ทรัพย์ส่วนบุคคล) ซึ่งปกติเวลากู้เงินจากธนาคารมาจ่ายค่าคอนโด ธนาคารผู้ให้กู้มักจะขายประกันภัยประเภทนี้พ่วงเข้ามาด้วย (1.2) ประกันภัยตัวอาคารทั้งอาคาร (ทรัพย์ส่วนกลาง) นิติบุคคลอาคารชุดจะทำประกันภัยตัวอาคาร โดยระบุให้นิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ ซึ่งจะมีข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดกำหนดรายละเอียดในเรื่องนี้ไว้ แต่ข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดบางนิติบุคคลก็ไม่มี
2. อาจจะเป็นช่วงรอยต่อระหว่างเจ้าของโครงการกับสถาบันการเงินผู้ให้กู้ ซึ่งเงื่อนไขการกู้มักจะระบุให้สถาบันการเงินเป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ ตามหลักควรทำประกันถึงวันที่จดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด (วันที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดห้องแรก) เมื่อจดนิติฯ แล้ว นิติบุคคลอาคารชุดจะทำประกันภัยและระบุให้ตนเองเป็นผู้รับประโยชน์ แต่หากทางปฏิบัติไม่ได้ทำหรือทำยาก ก็ควรจะนำเบี้ยประกันภัยมาเฉลี่ยตามระยะเวลาเอาประกันระหว่างเจ้าของโครงการกับนิติบุคคลอาคารชุดว่าฝ่ายไหนควรจ่ายเท่าใด จึงจะเป็นธรรม
3. กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ส่วนจะผิดทางแพ่งหรือทางอาญานั้นจะต้องดูที่เจตนาและเอกสารหลักฐานประกอบ หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนก็เห็นจะมีแต่เพียง สคบ. แต่ทางที่ดีและดูแลผลประโยชน์ได้เต็มที่ ควรเรียกประชุมวิสามัญและลงมติถอดถอนผู้จัดการและแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่ จ้างสำนักงานบัญชีและทนายความมาร่วมตรวจสอบ และฟ้องศาล
4. เป็นภาษากฎหมายที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หมายถึงคู่กรณีทั้งสองฝ่าย คือ ผู้เอาประกันและผู้รับประกันภัย นิติบุคคลอาคารชุดทำแบบนี้มีความผิดแน่นอน จะเป็นความผิดทางแพ่งหรือทางอาญาต้องพิจารณาจากเจตนาโดยวิธีการตามข้อ 3. เจ้าของร่วมมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันยภัยตามที่ระบุไว้ในมาตรา 18 แห่งกฎหมายอาคารชุด
5. ได้ ร้องเรียนที่ สคบ. เพราะยังไม่มีหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเรื่องอาคารชุดโดยเฉพาะ นอกจาก สคบ.
6. เจ้าของร่วมมีหน้าที่ต้องชำระค่าเบี้ยประกันภัยตามที่กฎหมายอาคารชุด (มาตรา 18) กำหนดไว้
7. ตอบแล้วในข้อ 1. ทำประกันภัยเฉพาะห้องของตัวเองได้ แต่ก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระค่าเบี้ยประกันภัยให้กับนิติบุคคลฯ หากเห็นว่า ไม่โปร่งใส เจ้าของร่วมควรลงมติถอดถอนด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของคะแนนเสียงของเจ้าของร่วมทั้งหมด